หากเอ่ยถึงประเทศ นอร์เวย์ หลายคนคงนึกถึงฟยอร์ด น้ำตก และภูเขาที่ตระหง่าน แต่สิ่งที่ทำให้ภูมิประเทศของที่นี่มีเอกลักษณ์อีกอย่างคือธารน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่ หนึ่งในนั้นคือ Svartisen ธารน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของนอร์เวย์ และเป็นสถานที่ที่ผสมผสานทั้งความงดงาม ความน่าทึ่ง และความท้าทายทางธรรมชาติไว้ในที่เดียว
Svartisen คืออะไร?
ชื่อ “Svartisen” มาจากคำว่า svart ที่แปลว่า “ดำ” และ is ที่หมายถึง “น้ำแข็ง” ในภาษานอร์เวย์ คำนี้สะท้อนภาพความแตกต่างระหว่างสีน้ำเงินเข้มหรือเขียวอมฟ้าของน้ำแข็งกับสีเข้มของภูเขาหินที่ล้อมรอบ ธารน้ำแข็งแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 370 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ในเขต Nordland ทางตอนเหนือของนอร์เวย์
Svartisen แบ่งออกเป็นสองส่วนหลักคือ
- Vestre Svartisen (ฝั่งตะวันตก)
- Østre Svartisen (ฝั่งตะวันออก)
ทั้งสองส่วนถูกคั่นด้วยหุบเขาลึกและมีปลายธารน้ำแข็งหลายสาขาที่ไหลลงสู่ทะเลสาบหรือฟยอร์ด หนึ่งในปลายธารที่เข้าถึงได้ง่ายและมีชื่อเสียงที่สุดคือ Engabreen ซึ่งลดระดับลงจนแทบจะสัมผัสกับผิวน้ำทะเล
ความยิ่งใหญ่ทางธรรมชาติ

Svartisen ไม่ได้เป็นเพียงธารน้ำแข็งที่กว้างใหญ่ แต่ยังเป็นหนึ่งในธารน้ำแข็งที่อยู่ต่ำที่สุดในทวีปยุโรป โดยบางส่วนของมันอยู่เพียงไม่กี่ร้อยเมตรเหนือระดับน้ำทะเล ความสูงที่ต่ำทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าธารน้ำแข็งอื่น ๆ เช่น Jostedalsbreen ที่ใหญ่ที่สุดของนอร์เวย์
ภาพของผืนน้ำแข็งที่ทอดยาว ปกคลุมด้วยลายเส้นและรอยแยก (crevasse) สีฟ้าสดใสตัดกับภูเขาสีเทาดำและทะเลสาบใสสะอาด ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดของสแกนดิเนเวีย
ประสบการณ์การสำรวจ Svartisen
1. การเดินทางสู่ Engabreen
Engabreen เป็นส่วนหนึ่งของ Svartisen ที่นักท่องเที่ยวเข้าถึงง่ายที่สุด สามารถนั่งเรือข้ามฟากจาก Holandsvika ไปยังฐานของธารน้ำแข็ง จากนั้นต่อด้วยการเดินหรือปั่นจักรยานประมาณ 3 กิโลเมตรเพื่อไปถึงจุดชมวิว
2. การปีนธารน้ำแข็ง (Glacier Hiking)
สำหรับผู้ที่แสวงหาความท้าทาย การปีนธารน้ำแข็งพร้อมไกด์เป็นกิจกรรมยอดนิยม คุณจะได้สวมรองเท้าตะปู (crampons) และใช้ขวานน้ำแข็ง (ice axe) เพื่อไต่ขึ้นไปบนผืนน้ำแข็ง ทิวทัศน์บนธารน้ำแข็งให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนโลกอีกใบที่เต็มไปด้วยหุบเหว น้ำแข็งใส และลวดลายจากธรรมชาติ
3. การพายเรือคายัคใน Holandsfjorden
อีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าประทับใจคือการพายเรือคายัคใน Holandsfjorden เพื่อชมปลายธารน้ำแข็ง Engabreen ที่ไหลลงมาจนเกือบถึงทะเล การได้มอง Svartisen จากมุมต่ำและใกล้ชิดน้ำยิ่งทำให้ตระหนักถึงขนาดที่มหึมาของมัน
4. การถ่ายภาพทิวทัศน์
ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างภาพมืออาชีพหรือเพียงนักเดินทางทั่วไป Svartisen มอบมุมมองไม่รู้จบ ตั้งแต่การสะท้อนของธารน้ำแข็งในทะเลสาบ ไปจนถึงสีฟ้าเข้มของรอยแตกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ศูนย์ข้อมูลและการวิจัย
บริเวณใกล้ Engabreen มี Svartisen Visitor Centre ซึ่งจัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับธารน้ำแข็ง สภาพภูมิอากาศ และระบบนิเวศในพื้นที่ นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ว่า Svartisen ไม่เพียงเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ยังเป็นพื้นที่ศึกษาที่สำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
นอกจากนี้ Engabreen ยังมีความพิเศษเพราะมีสถานีวิจัยใต้ธารน้ำแข็งที่หายากในโลก นักวิทยาศาสตร์สามารถศึกษาการไหลและการละลายของน้ำแข็งจากด้านล่าง ซึ่งช่วยให้เข้าใจผลกระทบของโลกร้อนต่อธารน้ำแข็งทั่วโลก
ธรรมชาติรอบ ๆ Svartisen
การมาเยือน Svartisen ไม่ได้มีเพียงธารน้ำแข็ง แต่ยังมีธรรมชาติรอบ ๆ ที่น่าหลงใหล เช่น
- Saltfjellet-Svartisen National Park: อุทยานแห่งชาติที่ครอบคลุมพื้นที่ภูเขา ทะเลสาบ และทุ่งทุนดรา
- สัตว์ป่า: กวางมูส กวางเรนเดียร์ และนกอินทรีทองเป็นเพื่อนร่วมทางที่อาจพบเจอได้
- เส้นทางเดินป่า: มีเส้นทางหลายระดับ ตั้งแต่การเดินเล่นรอบทะเลสาบไปจนถึงการปีนเขาที่ท้าทาย
การเดินทางไปยัง Svartisen
- ทางรถยนต์: ขับรถตามเส้นทาง E6 ไปยัง Holandsvika หรือ Braset ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางสู่ Engabreen
- ทางเรือ: มีบริการเรือข้ามฟากไปยังฝั่งตรงข้ามฟยอร์ด ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที
- เมืองใกล้เคียง: Bodø เป็นเมืองหลักที่อยู่ไม่ไกล สามารถเดินทางโดยรถไฟหรือเครื่องบิน จากนั้นต่อรถไปยัง Svartisen
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเยือน
- ฤดูร้อน (มิถุนายน–สิงหาคม): เป็นช่วงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อากาศอบอุ่น เส้นทางเข้าถึงง่าย และกิจกรรมกลางแจ้งเปิดให้บริการครบถ้วน
- ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน–ตุลาคม): นักท่องเที่ยวน้อยลง สีสันของใบไม้เปลี่ยนเพิ่มความงดงาม แต่บางกิจกรรมอาจปิดเร็วขึ้น
- ฤดูหนาว (พฤศจิกายน–เมษายน): ธารน้ำแข็งและพื้นที่รอบ ๆ ปกคลุมด้วยหิมะ เหมาะสำหรับการสกีและการชมแสงเหนือ แต่การเข้าถึง Engabreen อาจยากขึ้น
Svartisen และความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เช่นเดียวกับธารน้ำแข็งทั่วโลก Svartisen กำลังเผชิญกับการละลายที่รวดเร็วเนื่องจากภาวะโลกร้อน นักวิทยาศาสตร์รายงานว่าปลายธารน้ำแข็งหลายแห่งหดตัวถอยหลังทุกปี สิ่งนี้ไม่เพียงเป็นสัญญาณเตือนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมโลก แต่ยังทำให้นักท่องเที่ยวตระหนักถึงความเปราะบางของธรรมชาติ
Itinerary 3 Hari สำหรับการสำรวจ Svartisen
วันที่ 1: การเดินทางและการทำความรู้จักกับธารน้ำแข็ง
- เช้า: เดินทางจากเมือง Bodø หรือ Mo i Rana ไปยัง Holandsvika จุดเริ่มต้นที่นิยมมากที่สุด
- บ่าย: นั่งเรือข้ามฟากไปยังฝั่งตรงข้ามของ Holandsfjorden จากนั้นปั่นจักรยานหรือเดินเท้าไปยังจุดชมวิว Engabreen
- เย็น: เข้าพักในบ้านพักหรือกระท่อมเล็ก ๆ ริมฟยอร์ด เพื่อสัมผัสบรรยากาศสงบเงียบของพื้นที่ธรรมชาติ
วันที่ 2: กิจกรรมกลางแจ้งและการผจญภัย
- เช้า: เข้าร่วมทริปไต่ธารน้ำแข็งพร้อมไกด์ ท้าทายตัวเองด้วยการสวม crampons และใช้ ice axe เดินบนผืนน้ำแข็ง
- กลางวัน: รับประทานอาหารกลางวันแบบปิกนิกท่ามกลางวิวธารน้ำแข็งและภูเขา
- บ่าย: พายเรือคายัคใน Holandsfjorden ชม Engabreen จากมุมมองที่แตกต่าง
- เย็น: กลับมาพักผ่อน อาจลองถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่สะท้อนบนผืนน้ำแข็ง
วันที่ 3: ธรรมชาติรอบ ๆ Svartisen
- เช้า: เดินป่าในอุทยาน Saltfjellet-Svartisen National Park สำรวจทะเลสาบ ป่า และอาจพบสัตว์ป่าอย่างกวางมูส
- บ่าย: แวะที่ Svartisen Visitor Centre เพื่อเรียนรู้เรื่องธารน้ำแข็งและงานวิจัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- เย็น: เดินทางกลับ Bodø หรือ Mo i Rana พร้อมความทรงจำอันน่าประทับใจ
เคล็ดลับการเดินทางไป Svartisen
- เตรียมรองเท้าและอุปกรณ์ที่เหมาะสม – รองเท้าบูทสำหรับเดินป่าและเสื้อผ้าหลายชั้นเป็นสิ่งจำเป็น
- เข้าร่วมทริปพร้อมไกด์ – การเดินบนธารน้ำแข็งควรทำกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย
- ตรวจสอบตารางเรือข้ามฟาก – โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่การเดินเรืออาจจำกัด
- เคารพธรรมชาติ – อย่าทิ้งขยะหรือออกนอกเส้นทางที่กำหนด เพราะธารน้ำแข็งและระบบนิเวศรอบ ๆ เปราะบางมาก
- วางแผนล่วงหน้า – ที่พักในฤดูร้อนมักเต็มเร็ว จึงควรจองก่อน
ทำไม Svartisen ถึงควรค่าแก่การเยือน
Svartisen ไม่ใช่เพียงแค่แผ่นน้ำแข็งขนาดมหึมา แต่คือสัญลักษณ์ของพลังธรรมชาติและความงดงามที่กำลังหายไปอย่างช้า ๆ การไปเยือนที่นี่ทำให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมและเรียนรู้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับโลก
ทุกก้าวที่เดินบนผืนน้ำแข็ง ทุกการพายเรือที่ผ่านหน้าผา และทุกลมหายใจที่รับอากาศบริสุทธิ์ คือการย้ำเตือนว่าโลกของเรายังมีมุมมหัศจรรย์ที่ควรค่าแก่การปกป้องและแบ่งปันประสบการณ์กับคนรุ่นต่อไป
เสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของ Svartisen
แม้ว่า Engabreen จะเป็นส่วนที่นักท่องเที่ยวรู้จักมากที่สุด แต่ Svartisen ยังมีเสน่ห์อื่น ๆ ที่รอการค้นพบ เช่น สาขาธารน้ำแข็งที่ห่างไกลซึ่งเข้าถึงได้เฉพาะนักเดินทางผู้มีประสบการณ์ เส้นทางเดินป่าที่ตัดผ่านป่าสน ทะเลสาบสีเทอร์ควอยซ์ที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็ง และทุ่งทุนดราที่เต็มไปด้วยดอกไม้ป่าในฤดูร้อน
ทุกมุมของ Svartisen มีเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นรอยแตกบนผืนน้ำแข็งที่สะท้อนการเดินทางยาวนานนับพันปี หรือหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ฟยอร์ดซึ่งผู้คนยังคงดำเนินชีวิตเรียบง่ายร่วมกับธรรมชาติ
มรดกแห่งอนาคต
สิ่งที่ทำให้การมาเยือน Svartisen มีความหมายมากกว่าการท่องเที่ยวธรรมดาคือการตระหนักรู้ว่า ธารน้ำแข็งนี้กำลังเปลี่ยนแปลงและหดตัวทุกปี ภาพที่เราเห็นในวันนี้อาจไม่เหมือนเดิมในอีกสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้า การไปเยือนจึงไม่ใช่แค่เพื่อเก็บภาพสวยงาม แต่ยังเป็นการเก็บประสบการณ์ที่มีคุณค่าทางจิตใจและเป็นแรงบันดาลใจให้เราปกป้องสิ่งแวดล้อม
สัมผัสที่ยากจะลืม
การได้ยืนอยู่เบื้องหน้าผืนน้ำแข็งอันกว้างใหญ่ รับรู้ถึงความเย็นของลมที่พัดผ่าน และมองไปยังท้องฟ้าเหนือภูเขา ทำให้เราเข้าใจว่าโลกนี้ยังมีพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพลังและความมหัศจรรย์ ที่นี่ไม่เพียงทำให้ผู้มาเยือนตื่นตะลึง แต่ยังทำให้เราถ่อมตนต่อความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
บทสรุปสุดท้าย
Svartisen คือมากกว่าธารน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของนอร์เวย์ มันคือ บทเรียนของเวลา ที่บอกเล่าเรื่องราวของโลกเมื่อหลายพันปีก่อน และในขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงอนาคตของโลกที่เรากำลังสร้างขึ้น
การมาเยือนที่นี่คือการเดินทางที่หลอมรวมความงดงาม การผจญภัย และการเรียนรู้เข้าด้วยกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักสำรวจ ผู้รักธรรมชาติ หรือนักเดินทางที่แสวงหาความเงียบสงบ Svartisen จะมอบสิ่งที่เกินกว่าความคาดหวัง และทำให้คุณกลับบ้านพร้อมทั้งความทรงจำและแรงบันดาลใจที่ยากจะลืม