Author: Christian Moore

โรค หัวใจ ยังคงเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประชากรทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย สิ่งที่น่ากังวลคือ อาการเริ่มต้นของโรคหัวใจมักไม่ชัดเจน และอาจถูกมองว่าเป็นอาการทั่วไปหรือไม่ร้ายแรง ส่งผลให้หลายคนละเลย และทำให้โรคลุกลามจนเกิดอันตรายถึงชีวิต บทความนี้จะแนะนำสัญญาณเริ่มต้นของโรคหัวใจที่คุณไม่ควรเพิกเฉย หากรู้ทันและรีบพบแพทย์ อาจช่วยชีวิตได้ 1. เจ็บหน้าอก (Angina) อาการเจ็บแน่นหน้าอกคือสัญญาณเตือนที่พบบ่อยที่สุดของโรคหัวใจ โดยมักจะรู้สึกเหมือนถูกบีบ รัดแน่น หรือแสบร้อนตรงกลางหน้าอก อาการอาจลามไปยังแขนซ้าย คอ กราม หรือหลังได้ หากรู้สึกเจ็บแน่นหน้าอก โดยเฉพาะขณะออกแรงหรือมีความเครียด ควรรีบพบแพทย์ทันที 2. หายใจลำบาก หัวใจ หากคุณรู้สึกหายใจติดขัดขณะทำกิจกรรมเล็กน้อย หรือแม้แต่ตอนนอน อาจเป็นเพราะหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปยังปอดได้อย่างเพียงพอ 3. เหนื่อยง่ายผิดปกติ รู้สึกหมดแรง ง่วงนอน หรืออ่อนเพลียง่ายทั้งที่ไม่ได้ทำงานหนัก เป็นอาการที่พบได้ในผู้ป่วยโรคหัวใจ โดยเฉพาะในผู้หญิง 4. หัวใจ เต้นผิดจังหวะ รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือเต้นไม่เป็นจังหวะ อาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) หากรู้สึกหัวใจเต้นแรงร่วมกับอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด หรือจะเป็นลม ต้องรีบไปโรงพยาบาล 5. ขาบวม เท้าบวม หรือท้องบวม เมื่อหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดกลับได้ดี อาจทำให้ของเหลวคั่งและเกิดอาการบวมที่ขา ข้อเท้า หรือท้อง 6. เวียนศีรษะ หรือเป็นลมโดยไม่มีสาเหตุ ภาวะหัวใจล้มเหลวหรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจทำให้สมองขาดเลือดชั่วคราว ส่งผลให้เกิดอาการเวียนหัว หรือหมดสติ 7. เหงื่อออกเย็นโดยไม่มีสาเหตุ เหงื่อออกเย็นผิดปกติ แม้อยู่เฉย ๆ หรือไม่ได้ออกแรง อาจเป็นสัญญาณของอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 8. คลื่นไส้ อาเจียน หรือแน่นท้อง หัวใจ โดยเฉพาะในผู้หญิง อาการเหล่านี้อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเพียงปัญหาทางเดินอาหาร แต่จริง ๆ แล้วอาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจได้ 9. ชา หรือปวดร้าวที่แขน คอ หรือกราม อาการเจ็บหรือชาที่แขนซ้าย คอ หรือกราม อาจเป็นอาการเจ็บหน้าอกที่ร้าวออก ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด 10. ผิวซีดหรือเขียวคล้ำ หากหัวใจไม่สามารถส่งเลือดไปเลี้ยงผิวหนังได้เพียงพอ อาจทำให้ผิวบริเวณปลายนิ้ว ริมฝีปาก…

Read More

การรับประทานอาหารที่สมดุลถือเป็นรากฐานของการมีสุขภาพดีและการยืดอายุขัยอย่างมีคุณภาพ เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารหลากหลายอย่างเหมาะสม จะช่วยให้มีพลังงานเพียงพอและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังในระยะยาว ต่อไปนี้คือหลักสำคัญของการรักษา โภชนาการ ที่สมดุล: คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเพื่อพลังงาน เลือกแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่อุดมไปด้วยใยอาหาร เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืชเต็มเมล็ด หรือมันเทศ ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้นิ่งและสม่ำเสมอ เพิ่มการบริโภคผักและผลไม้ ควรบริโภคผักและผลไม้วันละ 5–7 ส่วน เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน แหล่งโปรตีนคุณภาพ รวมแหล่งโปรตีนจากสัตว์ (เช่น ปลา อกไก่ไม่ติดหนัง ไข่) และจากพืช (เช่น ถั่ว เต้าหู้ เทมเป้) เพื่อช่วยในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกาย ลดการบริโภคน้ำตาล เกลือ และไขมันไม่ดี ควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารทอด และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เพื่อลดความเสี่ยงของโรคอ้วน เบาหวาน และความดันโลหิตสูง ดื่มน้ำให้เพียงพอ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อสนับสนุนระบบเผาผลาญและช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย การรับประทานอาหารอย่างสมดุลควรควบคู่กับวิธีการปรุงอาหารที่ดีต่อสุขภาพ (เช่น การนึ่ง ต้ม หรืออบ) รับประทานอาหารเป็นเวลา (มื้อหลัก 3 มื้อ และของว่างที่มีประโยชน์ 2 มื้อ) และปรับตามปริมาณพลังงานที่แต่ละบุคคลต้องการ หากปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ รูปแบบการกินนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคเสื่อมต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็ง ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว เริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ เช่น ลดน้ำตาล และเพิ่มการกินผัก เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน โภชนาการที่สมดุลคืออะไร?โภชนาการที่สมดุลคือองค์ประกอบของอาหารในแต่ละ โภชนาการ วันที่มีสารอาหารในประเภทและปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย แนวคิดนี้รวมถึงความสมดุลระหว่างคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน แร่ธาตุ และน้ำ และพิจารณาถึงความหลากหลายของอาหาร ความสะอาด และนิสัยการกินที่ดี ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซีย หลักการของโภชนาการที่สมดุลประกอบด้วยเสาหลักสี่ประการ ได้แก่ การรับประทานอาหารที่หลากหลาย การดำรงชีวิตที่สะอาด การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การควบคุมน้ำหนักตัวอย่างสม่ำเสมอ ประโยชน์ของโภชนาการที่สมดุล ขั้นตอนปฏิบัติเพื่อนำอาหารสมดุลมาใช้ใช้แนวทาง “เติมจานของฉัน”: ครึ่งหนึ่งของจานใส่ผักและผลไม้ หนึ่งในสามใส่คาร์โบไฮเดรต (ข้าว ขนมปัง มันฝรั่ง) และหนึ่งในสามใส่โปรตีน (ปลา…

Read More