Close Menu
    phuketbar
    • Home
    • ข่าวสารล่าสุด
    • ความบันเทิง
    • สุขภาพ
    phuketbar
    สุขภาพ

    ระวัง! การ นอน เกิน 9 ชั่วโมง อาจกระตุ้นให้เกิดโรคเบาหวาน

    Christian MooreBy Christian MooreSeptember 12, 2025No Comments2 Mins Read

    การ นอน หลับเป็นกลไกสำคัญของร่างกายที่ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูสมดุลของระบบต่างๆ อย่างไรก็ตาม แม้เราจะรู้ดีว่าการนอนน้อยเกินไปส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่การนอนมากเกินไป โดยเฉพาะการนอนเกิน 9 ชั่วโมงต่อคืน ก็มีความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่เช่นกัน งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่าการนอนมากเกินไปสัมพันธ์กับความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพในระยะยาว


    ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับโรคเบาหวาน

    โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลกลูโคสในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ โรคนี้แบ่งได้หลักๆ เป็น 2 ประเภท

    1. เบาหวานชนิดที่ 1
      เกิดจากภูมิคุ้มกันในร่างกายทำลายเซลล์ตับอ่อนที่ผลิตอินซูลิน ส่งผลให้ร่างกายขาดอินซูลินโดยสิ้นเชิง
    2. เบาหวานชนิดที่ 2
      ร่างกายยังผลิตอินซูลินได้ แต่เซลล์ไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน หรือที่เรียกว่า “ภาวะดื้อต่ออินซูลิน” ส่งผลให้น้ำตาลสะสมในเลือดมากขึ้นเรื่อยๆ

    ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น น้ำหนักเกิน ขาดการออกกำลังกาย พันธุกรรม หรือการนอนผิดปกติ มีโอกาสสูงที่จะพัฒนาไปเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2


    ความสัมพันธ์ระหว่างการนอนเกินกับโรคเบาหวาน

    งานวิจัยด้านเวชศาสตร์การนอนหลับพบว่า การนอนนานเกิน 9 ชั่วโมงต่อคืนสัมพันธ์กับความเสี่ยงโรคเบาหวานในหลายด้าน ดังนี้:

    1. การทำงานของอินซูลินลดลง
      การนอนมากเกินไปอาจทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานทำงานช้าลง ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ไม่ดี น้ำตาลจึงถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์น้อยลง
    2. ความไม่สมดุลของฮอร์โมน
      การนอนยาวเกินไปส่งผลให้ฮอร์โมนเลปติน (ที่ควบคุมความอิ่ม) และเกรลิน (ที่กระตุ้นความหิว) ผิดปกติ ทำให้กินมากขึ้น น้ำหนักเพิ่ม และเสี่ยงเบาหวาน
    3. อาการอักเสบในร่างกายสูงขึ้น
      การนอนมากเกินไปเชื่อมโยงกับระดับสารอักเสบในเลือดสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
    4. การเคลื่อนไหวน้อยลง
      คนที่นอนมากมักมีกิจกรรมทางกายน้อย ทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีน้อยลง เสี่ยงน้ำหนักเกิน และเพิ่มความเสี่ยงเบาหวาน

    ปัจจัยร่วมที่ทำให้เสี่ยงมากขึ้น

    แม้การนอนเกินจะเป็นปัจจัยสำคัญ แต่หากมีพฤติกรรมและปัจจัยเสริมอื่นร่วมด้วย ความเสี่ยงโรคเบาหวานยิ่งสูง ได้แก่:

    • โรคอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน: ไขมันสะสมรอบอวัยวะสำคัญเพิ่มภาวะดื้อต่ออินซูลิน
    • การทานอาหารไม่สมดุล: โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลสูงและไขมันอิ่มตัวมาก
    • การขาดการออกกำลังกาย: ทำให้กล้ามเนื้อไม่ดึงน้ำตาลไปใช้
    • ความเครียดและสุขภาพจิต: ส่งผลให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลสูง กระตุ้นน้ำตาลในเลือด
    • พันธุกรรมและประวัติครอบครัว: หากมีญาติสายตรงเป็นเบาหวาน ความเสี่ยงยิ่งมาก

    สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

    หากคุณนอนเกิน 9 ชั่วโมงเป็นประจำ และเริ่มมีอาการดังต่อไปนี้ ควรระวังเพราะอาจเป็นสัญญาณเบื้องต้นของเบาหวาน

    • กระหายน้ำบ่อยและปัสสาวะถี่
    • รู้สึกเหนื่อยง่ายแม้ได้นอนเต็มที่
    • น้ำหนักเพิ่มโดยไม่ทราบสาเหตุ
    • แผลหายช้า หรือเป็นแผลติดเชื้อบ่อย
    • มีอาการชาตามปลายมือปลายเท้า

    วิธีป้องกันและปรับพฤติกรรมการนอน

    1. รักษาสมดุลการนอน 7–9 ชั่วโมงต่อคืน
      ผู้ใหญ่ควรมีเวลานอนที่สมดุล ไม่สั้นหรือยาวเกินไป
    2. กำหนดตารางเวลานอนตื่นให้สม่ำเสมอ
      การนอนและตื่นในเวลาเดิมทุกวันช่วยให้นาฬิกาชีวภาพทำงานได้สมบูรณ์
    3. สร้างบรรยากาศการนอนที่ดี
      ห้องนอนควรมืด เงียบ และมีอุณหภูมิที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงแสงจากหน้าจอก่อนนอน
    4. ออกกำลังกายเป็นประจำ
      ช่วยเพิ่มการเผาผลาญน้ำตาลและปรับความไวต่ออินซูลิน
    5. ควบคุมอาหาร
      ลดอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง เพิ่มผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนคุณภาพดี
    6. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ
      โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น อายุเกิน 40 ปี น้ำหนักเกิน หรือมีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน

    ตารางสรุปความแตกต่างของการนอนปกติกับการนอนเกิน

    ประเด็นการนอน 7–9 ชั่วโมงการนอนมากกว่า 9 ชั่วโมง
    สมดุลน้ำตาลในเลือดปกติเสี่ยงระดับน้ำตาลสูงขึ้น
    การตอบสนองต่ออินซูลินดีลดลง เสี่ยงภาวะดื้อต่ออินซูลิน
    น้ำหนักตัวควบคุมได้ง่ายเสี่ยงน้ำหนักเพิ่มและอ้วน
    กิจกรรมทางกายมีพลัง เคลื่อนไหวมากขาดการเคลื่อนไหว นั่งหรือนอนมากขึ้น
    ความเสี่ยงโรคเบาหวานต่ำสูง

    เคล็ดลับการใช้ชีวิตสำหรับผู้ที่เสี่ยงเบาหวานและมีปัญหาการนอนเกิน

    การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและควบคุมโรคเบาหวาน โดยเฉพาะในกลุ่มที่มักมีปัญหาการนอนเกิน

    1. จัดตารางการนอนอย่างมีวินัย

    • ตั้งเวลานอนและตื่นให้ตรงกันทุกวัน แม้ในวันหยุด
    • หลีกเลี่ยงการ “นอนชดเชย” ที่นานเกินไป ควรใช้วิธีพักผ่อนอื่น เช่น การเดินเล่นหรือนั่งสมาธิ

    2. ใช้กิจกรรมเบาๆ แทนการนอนต่อ

    • เมื่อรู้สึกง่วงหลังตื่น ให้ลุกขึ้นยืดเหยียดหรือเดินเบาๆ 5–10 นาที
    • การออกไปสัมผัสแสงแดดยามเช้าจะช่วยปรับนาฬิกาชีวภาพและลดความอยากนอนเกิน

    3. ควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำตาลในเลือด

    • กินอาหารครบ 3 มื้อ เน้นผัก ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไม่ติดมัน
    • หลีกเลี่ยงของหวานจัด น้ำอัดลม และอาหารฟาสต์ฟู้ด
    • แบ่งอาหารเป็นมื้อย่อยเล็กๆ หากมีปัญหาน้ำตาลในเลือดแกว่ง

    4. เพิ่มกิจกรรมทางกาย

    • ออกกำลังกายระดับปานกลาง เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
    • เสริมการฝึกกล้ามเนื้อ (strength training) 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อใช้น้ำตาลได้ดียิ่งขึ้น

    5. จัดการความเครียด

    • ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งคอร์ติซอล ซึ่งกระตุ้นระดับน้ำตาลในเลือด
    • ฝึกการหายใจลึกๆ โยคะ หรือทำสมาธิเพื่อลดความตึงเครียด

    6. ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ

    • ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดและค่า HbA1c อย่างน้อยปีละ 1–2 ครั้ง
    • หากมีอาการผิดปกติ เช่น เหนื่อยล้าเรื้อรัง กระหายน้ำมาก หรือชาปลายมือเท้า ควรพบแพทย์ทันที

    ตัวอย่างกิจวัตรประจำวันที่เหมาะสม

    เช้า

    • ตื่นนอนเวลาเดิมทุกวัน
    • ยืดเหยียดกล้ามเนื้อและออกไปสัมผัสแดด 10 นาที
    • อาหารเช้าเน้นโปรตีนและธัญพืชเต็มเมล็ด

    กลางวัน

    • แบ่งเวลาลุกจากที่นั่งทุกชั่วโมงเพื่อลดการนั่งนาน
    • อาหารกลางวันเน้นผักสดและโปรตีนไม่ติดมัน

    เย็น

    • ออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดินหรือโยคะ
    • อาหารเย็นไม่หนักเกินไป และหลีกเลี่ยงคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว

    ก่อนนอน

    • ปิดหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อย 1 ชั่วโมง
    • จัดบรรยากาศห้องนอนให้สงบ มืด และอากาศถ่ายเท

    ตารางแนวทางการใช้ชีวิตเพื่อป้องกันเบาหวานในผู้ที่นอนเกิน

    ด้านสุขภาพพฤติกรรมที่ควรทำพฤติกรรมที่ควรเลี่ยง
    การนอนจำกัดการนอน 7–9 ชั่วโมงต่อวัน, ตื่นเวลาเดิมทุกวันนอนชดเชยนานเกิน 9 ชั่วโมง, นอนกลางวันยาวนาน
    อาหารเน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด โปรตีนไม่ติดมันอาหารหวานจัด มันจัด น้ำอัดลม และฟาสต์ฟู้ด
    การออกกำลังกายเดินเร็ว 30 นาทีต่อวัน หรือ 150 นาทีต่อสัปดาห์, เสริมการฝึกกล้ามเนื้อการนั่งนานโดยไม่ขยับ, การขาดการเคลื่อนไหวประจำวัน
    สุขภาพจิตฝึกสมาธิ โยคะ หรือหายใจลึกๆ ลดความเครียดเครียดสะสม พักผ่อนด้วยการนอนยาวเกินไป
    การติดตามสุขภาพตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ, พบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติเพิกเฉยต่ออาการ เช่น กระหายน้ำ เหนื่อยง่าย น้ำหนักเพิ่ม

    มุมมองเชิงป้องกันในระดับสังคม

    ปัญหาการนอนเกินมักไม่ได้รับความสนใจเท่ากับการนอนน้อย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองปัญหาส่งผลต่อสุขภาพในระดับสาธารณสุข หากสังคมไม่ตระหนักถึงความเสี่ยงนี้ อาจทำให้ภาระโรคเรื้อรังอย่างเบาหวานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    สิ่งที่ควรทำในระดับสังคม ได้แก่:

    • การรณรงค์ความรู้เรื่องเวลานอนที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการรณรงค์ด้านโภชนาการและการออกกำลังกาย
    • สนับสนุนการออกกำลังกายในที่ทำงานและโรงเรียน เพื่อลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง
    • การตรวจสุขภาพเชิงป้องกัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานและผู้สูงอายุ
    • สื่อสารข้อมูลอย่างชัดเจน ว่าการนอนเกิน 9 ชั่วโมงไม่ใช่การพักผ่อนที่ดีเสมอไป

    ข้อคิดเชิงป้องกันในระดับบุคคล

    ในฐานะปัจเจกบุคคล การใส่ใจเรื่องเวลานอนเป็นการลงทุนกับสุขภาพที่คุ้มค่า การนอน 7–9 ชั่วโมงต่อคืนอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงป้องกันเบาหวาน แต่ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ สมอง และปัญหาสุขภาพจิต

    หากพบว่าตัวเองนอนเกินเป็นประจำ ควรตั้งคำถามว่าเป็นเพราะความเครียด ภาวะซึมเศร้า หรือปัญหาสุขภาพอื่นหรือไม่ การสังเกตสัญญาณเล็กๆ เหล่านี้ช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ทันเวลา ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามไปสู่โรคเบาหวานหรือโรคเรื้อรังอื่นๆ


    บทสรุปสุดท้าย

    การนอนหลับคือเสาหลักหนึ่งของสุขภาพ แต่การนอนมากเกินไป โดยเฉพาะเกิน 9 ชั่วโมง อาจกลายเป็นตัวการเงียบที่กระตุ้นให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ การป้องกันจึงอยู่ที่การสร้างสมดุลในชีวิตประจำวัน ทั้งเรื่องการนอน อาหาร การออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพจิต

    การนอน “พอดี” ไม่มากหรือน้อยเกินไป คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน และทำให้เรามีชีวิตที่แข็งแรง ยืนยาว และมีคุณภาพ

    จาก กรุงเทพฯ สู่เชียงใหม่ การผจญภัยอันน่าตื่นเต้น ระวัง! การ นอน เกิน 9 ชั่วโมง อาจกระตุ้นให้เกิดโรคเบาหวาน ระวัง! สัญญาณเริ่มต้นของโรค หัวใจ ที่ไม่ควรมองข้าม สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ ที่คุณไม่ควรพลาด อันตรายที่ซ่อนอยู่ของน้ำตาลในอาหารประจำวัน
    Christian Moore

    Related Posts

    ถั่วแระญี่ปุ่น: ซูเปอร์ฟู้ด สีเขียว อุดมคุณค่าทางโภชนาการจากญี่ปุ่น

    September 18, 2025

    สาเหตุของอาการคัด จมูก และวิธีบรรเทาอย่างง่าย

    September 17, 2025

    สโนว์บอร์ดที่ Trysil: การผจญภัยที่รีสอร์ตสกีที่ใหญ่ที่สุดของ นอร์เวย์

    September 14, 2025

    Comments are closed.

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.